ผมมีเพื่อนผู้ชายที่เคยสนิทอยู่คนหนึ่ง  ย้ำเคยสนิท  เพื่อนของผมคนนี้มันชื่อบอย ส่วนผมชื่อว่านิ  เมื่อตอนที่เราเรียนอยู่ม.ต้น ผมมักจะไปไหนมาไหนกับมันตลอดเรียกได้ว่าเป็นคู่หูกับมันเลยเพราะเราเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันห้องเดียวกันแถมบ้านของเรายังจะใกล้กันอีก เรียกว่าสนิททั้งที่บ้านและโรงเรียน ทุกวันตอนเช้าเวลาจะไปโรงเรียน ผมจะต้องเดินไปรอมันที่หน้าบ้านเพราะบ้านของผมอยู่ในซอยลึกกว่ามัน  เราจะไปโรงเรียนด้วยกัน    เวลาผมกับไอ้บอยนั่งรถเมล์ไปโรงเรียนผมมักจะอิจฉามันอยู่เสมอเพราะว่า บรรดาเด็กผู้หญิงโรงเรียนอื่น เอาแต่มองไอ้บอยเข้ามาจีบแต่มัน  ส่วนผมไม่เคยมีแม้แต่เพื่อนผู้หญิงซักคนเพราะเติบโตมากับเด็กผู้ชายอย่างเดียว โรงเรียนก็ชายล้วน ที่สำคัญผมหน้าตาไม่ดี แถมยังใส่แว่นอีกต่างหาก สู้ไอ้บอยไม่ได้มันทั้งหล่อทั้งขาว  เสียงหวานมีเสน่ห์แถมรวยอีกต่างหาก    ผมได้แต่อิจฉามันทุกครั้งที่มีผู้หญิงมาจีบมันต่อหน้าต่อตา  แต่ไอ้บอยมันก็ไม่เคยคบผู้หญิงเป็นแฟนซักคน  มันบอกแต่ว่าไม่ถูกใจ    ถ้าเป็นผมนะรับเป็นแฟนหมดแหล่ะ   
    ผมกับมันเป็นคู่หูกันจนเรียนจบม.ต้น  แล้วผมก็เข้าไปสอบติดโรงเรียนม.ปลายแถวบ้าน ส่วนไอ้บอยมันสอบไม่ติด ไม่รู้ว่าอารมณ์ไหนของมันตอนนั้น เลยเข้าเรียนพาณิชย์  ผมนี่แทบไม่อยากจะคิดว่าหน้าตาอย่างมันพอเข้าไปเรียนพาณิชย์แล้วจะมีผู้หญิงมาติดมันกี่คน  ยิ่งคิดยิ่งอิจฉา    ช่วงแรกๆที่ผมเรียนม.ปลายบางวันพอเลิกเรียนผมก็จะแวะไปที่บ้านของไอ้บอย  ไปนั่งคุยนั่งเล่นกับมัน แต่พอนานเข้าเราต่างคนต่างก็ไม่มีเวลาเพราะต่างคนต่างจะต้องไปอยู่กับสังคมใหม่โรงเรียนใหม่เพื่อนใหม่  จากนั้นมาผมก็ไม่ค่อยมีเวลาเจอมันเลย 
    เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีที่ผมไม่ได้เจอหน้าไอ้บอย  จนมีอยู่วันหนึ่งผมกำลังเดินผ่านหน้าบ้านของมันตอนเช้าเพื่อจะไปโรงเรียน  ผมอยู่มัธยมห้าแล้วตอนนั้นพร้อมร่างกายของผมที่โตขึ้นกับแว่นหนาเตอะ  ขณะที่ผมกำลังเดินผ่านหน้าบ้านมันพอดีโดยไม่คิดว่าจะได้เจอมัน   
“ นิ!!!!!”  ไอ้บอยมันกำลังเดินออกมาจากบ้านด้วยชุดนักเรียนพาณิชย์    มันเห็นผมก็เลยตะโกนเรียก  เช้าวันนั้นผมกับมันก็ได้เดินออกจากซอยเพื่อไปโรงเรียนด้วยกัน  ระหว่างที่กำลังเดินคุยกันอยู่นั้นผมสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของไอ้บอย ในตอนนี้ไอ้บอยมันหล่อขึ้นเยอะกว่าแต่ก่อนมากและก็ขาวหน้าใสขึ้นเป็นกอง    เมื่อเดินไปถึงหน้าปากซอย  เพื่อจะไปขึ้นรถเมล์ไอ้บอยมันก็บอกว่าเพื่อนมันรออยู่ที่ป้ายรถด้วยสามคนเดี๋ยวมันจะแนะนำให้รู้จัก    พอไปถึงป้ายรถเมล์ผมก็พบว่าไอ้เพื่อนที่บอกว่ารอมันอยู่นั้นเป็นผู้หญิงหมดทั้งสามคน ที่สำคัญสวยน่ารักทั้งหมดด้วย    ผมเองก็ไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงซะด้วยก็เกิดอาการเกร็ง ต่างกับมันที่แสดงท่าทางสนิทกับผู้หญิงทั้งสามอย่างถึงเนื้อถึงตัว  ผมว่ามันต้องมีซักคนในสามแน่นอนเลยที่เป็นแฟนของมัน    หลังจากที่ไอ้บอยแนะนำเพื่อนให้ผมรู้จักเราก็แยกย้ายไปโรงเรียน  เพราะอยู่คนละทางกัน
เช้าวันนั้นผมนั่งรถเมล์อย่างใจลอยคิดถึงผู้หญิงทั้งสามคนนั้น แต่ละคนน่ารักกันจริงๆ ส่วนไอ้บอยก็อะไรจะโชคดีขนาดนั้นที่มีผู้หญิงสวยมารุมล้อม  ทำไมนะผมถึงไม่เกิดมาเป็นไอ้บอย
   
    จนเมื่อผมเรียนจบม.ปลาย ผมก็เข้ามหาลัยส่วนไอ้บอยผมก็ไม่ได้เจอมันเลย ก็เลยไม่รู้ข่าวคราวของมัน  ในการเรียนระดับมหาลัยครั้งนี้ของผมมันเป็นครั้งแรกที่ผมจะได้มีเพื่อนผู้หญิงซักที  หลังจากที่ได้เรียนแต่โรงเรียนชายล้วนอยู่ตลอด  ผมจึงพยายามปรับปรุงตัวเองให้ดูดีขึ้น  โดยอันดับแรกคือต้องทำตัวเองให้ขาวเสียก่อนเพราะผู้หญิงชอบผู้ชายขาวๆมันดูสะอาด และคงเป็นเรื่องฝังใจด้วยแหล่ะที่เมื่อนึกถึงความหล่อทีไรจะต้องนึกถึงไอ้บอยเป็นอันดับแรกทุกที  และมันก็เลยกลายเป็นบรรทัดฐานของผมไปเลยว่าถ้าจะหล่อต้องเลียนแบบอย่างไอ้บอย    ผมก็เลยจัดแจงหาครีมบำรุงผิวมาทา หายามารักษาสิว  ส่วนแว่นก็พยายามหาแว่นที่มันดูรูปทรงไม่เชย ไม่แก่     
   
    วันหนึ่งหลังจากที่ผมกลับจากงานรับน้องที่มหาลัย  เวลานั้นมันก็ดึกมากแล้วผมก็เดินเข้าซอยเพื่อกลับบ้าน  เมื่อถึงหน้าบ้านไอ้บอยผมก็หันเข้าไปในบ้านของมันเผื่อว่าจะเจอมันแล้วผมก็ได้เห็นว่ามันกำลังเดินเข้าบ้านกับผู้หญิงอีกสองคน    อะไรมันจะโชคดีขนาดนี้ ผมคิดขึ้นในใจเมื่อมาเปรียบเทียบกับตัวเองที่พยายามปรับปรุงตัวเองให้ดูดีแค่ไหนก็ตามก็ยังไม่มีผู้หญิงมาติดพันซักคน  ได้แต่ร้องขึ้นในใจ
อิจฉาไอ้บอยโว้ย!!!!!
 
      จนกระทั่งเรียนมหาลัยปีสี่เข้าไปแล้ว  ผมเองก็ยังไม่มีแฟนเพราะผู้หญิงทุกคนจะพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า เราเป็นเพื่อนกันดีกว่า    ทำให้ผมรู้ตัวดีว่าถึงแม้จะพยายามซักเท่าไรมันก็ไม่ได้ทำให้ผมดูดีหรือหล่อขึ้นมาได้เลย
..
      ความหล่อทำไมมันถึงได้เดินสวนทางกับตัวผมนักก็ไม่รู้  เพราะเมื่อผมเรียนจบ ปริญญาเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าไปทำงานเป็นพนักงานในบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งมีแต่ผู้หญิงเป็นส่วนมาก    แล้ววันหนึ่งขณะที่ผมกำลังกลับจากทำงานผมก็ได้หันเข้าไปมองในบ้านของไอ้บอย  เห็นผู้หญิงผิวขาวคนหนึ่งซึ่งหันหลังอยู่กำลังรดน้ำต้นไม้  ถึงแม้ว่าจะเห็นเพียงด้านหลังแต่ก็มั่นใจได้ว่าต้องเป็นผู้หญิงที่สวยแน่ๆ เพราะอย่างไอ้บอยมันเลือกคบผู้หญิงอยู่แล้ว  และผู้หญิงคนนี้คงเป็นเมียของมันที่เอามาอยู่บ้านอย่างแน่นอนเพราะถึงกับรดน้ำต้นไม้ให้     
   
    อีกหลายๆวันต่อมาผมก็เห็นผู้หญิงคนนี้ขับรถเข้าออกบ้านของไอ้บอยอยู่เสมอ เป็นรถเก๋งสีแดงอย่างว่าไอ้บอยมันรวย มันก็คงมีรถให้แฟนขับเป็นธรรมดา    คราวนี้ผมกลับรู้สึกเฉยๆ  เพราะผมเองก็เริ่มที่จะปลงไม่คิดอิจฉามันเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว  เพราะโตเป็นผู้ใหญ่คิดได้แล้ว   
    แต่ผมก็ยังคงมักที่จะหันเข้าไปมองในบ้านของไอ้บอยอยู่เสมอเวลาเดินผ่าน  และเมื่อหันเข้าไปมองทีไรก็มักจะเห็นผู้หญิงคนนี้อยู่เป็นประจำ  แต่ไม่เคยเห็นไอ้บอยจนกระทั่งวันหนึ่ง ผมได้บังเอิญไปเห็นผู้หญิงคนนี้ที่ห้างสรรพสินค้าผมจึงแอบเดินตาม  แต่นิสัยเดิมที่อิจฉาไม่ได้กำเริบนะ  เพียงแค่ว่าสงสัยบางอย่างก็เท่านั้น    เพราะเธอกำลังอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งคนนั้นไม่ใช่ไอ้บอยเพื่อนผมอย่างที่ควรจะเป็นแต่เป็นฝรั่งหัวทอง  ผมจึงสะกดรอยตาม ทั้งคู่ต่างไปนั่งกินข้าวในร้านอาหารหรูในห้าง  นั่งคลอเคลีย  ทำเอาผมโกรธแค้นแทนเพื่อนเพราะอย่างน้อยผมกับไอ้บอยก็เคยเป็นเพื่อนรักกัน  แล้วแฟนเพื่อนมาทำอย่างนี้กับคนอื่นผมเองก็คงต้องรู้สึกไม่ดีเป็นธรรมดา  “นี่เพื่อนเราจะต้องมาเสียแฟนให้ฝรั่งหรือว่ะเนี่ย”     
      ตกดึกคืนวันนั้น ผมค้นเบอร์โทรศัพท์โทรเข้าไปที่บ้านของไอ้บอยเพราะไม่มีเบอร์มือถือของมัน  ผมแกล้งทำเป็นว่าคิดถึงเลยโทรมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบพูดจาหว่านล้อม ถามเรื่องต่างๆนานาต่อกัน  สบายดีมั้ย  งานการล่ะเป็นยังไงบ้าง  เพื่อนๆติดต่อมาบ้างหรือเปล่า  วันหลังไปเจอกันกินข้าวกันบ้างดีกว่า ที่สำคัญที่สุดคือถามว่ามีแฟนหรือยังมันก็บอกว่ามีแล้วคบกันอยู่อย่างมีความสุขด้วยกำลังอินเลิฟสุดๆ  แล้วสุดท้ายเราก็ได้นัดกันไปกินข้าวเย็นในวันต่อมาเพราะมันก็อยากเจอผมอยู่เหมือนกัน 
      เย็นวันต่อมาหลังจากที่ผมเลิกงาน ผมก็ไปที่ห้างซึ่งผมนัดไว้กับไอ้บอยว่าจะกินข้าวด้วยกันและอาจจะต่อไปถึงสุราเมรัยที่เราสองคนไม่ได้ดวลแก้วกันมานาน  ระหว่างที่เดินเล่นอยู่ในห้างเพื่อรอให้ถึงเวลานัด  ผมก็เห็นอย่างไกลๆคลับคล้ายคลับคลาว่านั่นมันแฟนไอ้บอยนี่หว่า  เธอกล้าถึงขนาดนี้เลยเหรอเพราะเธอกำลังควงแขนฝรั่งหัวทองคนที่ผมเคยเห็นครั้งก่อน พากันเดินอย่างกระหนุงกระหนิงแทบจะกอดกัน    ผมคิดว่าถ้าไอ้บอยมันมาเห็นแล้วมันจะรู้สึกยังไง นัดมันไว้ที่ห้างนี้ซะด้วยซิ    ผมจึงตัดสินใจ”เอาล่ะว่ะวันนี้จะบอกไอ้บอยเรื่องของแฟนมันให้หมดถึงมันจะไม่เชื่อก็ตาม ถ้ามันจะรักแฟนจนไม่ฟังเหตุผลก็ให้มันรู้ไปว่ามันยังอยากจะโง่ให้แฟนสวมเขา”   
      ใกล้ถึงเวลานัดเต็มที  ผมไปนั่งรออย่างกระวนกระวายใจในร้านที่นัดกันไว้  หันซ้ายหันขวามองว่าเมื่อไหร่ไอ้บอยมันจะมาซักที    แต่หันไปมาที่หน้าประตูร้านคนที่เข้ามากลับไม่ใช่คนที่ต้องการให้มา  เพราะเธอควงแขนฝรั่งหัวทองเดินเข้ามามองหาคนในร้าน  “แย่ละซิไอ้บอยถ้ามันมาเห็นตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น”  ผมจึงหยิบโทรศัพท์กดเบอร์มือถือไอ้บอยที่ขอไว้เมื่อคืน    กะจะบอกมันว่าให้เปลี่ยนร้านเจอกัน  ผมกดโทรศัพท์แล้วรอสาย  แล้วก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือของใครซักคนในร้านดังขึ้นเป็นเพลงไอวิลล์เซอร์ไวฟ์ จนทำให้ผมและคนอื่นๆในร้านต้องหันไปมองหาต้นตอเสียง  พบว่ามันเป็นเสียงจากโทรศัพท์มือถือของผู้หญิงที่สวมเขาไอ้บอย    แต่ผมก็ต้องหันไปพูดโทรศัพท์เมื่อไอ้บอยรับสาย
“ฮัลโหล ไอ้บอยเหรอ”
“ว่าไงนิ”
“ตอนนี้อยู่ไหน”  ผมถาม
“อยู่ร้านแล้ว”
“อ้าว นั่งอยู่ตรงไหน “
“ยืนอยู่กำลังหาที่นั่ง”  พอมันตอบกลับมาเท่านั้นผมก็ลุกขึ้นกวาดสายตามองแล้วปะเข้ากับสายตาไอ้บอยที่กำลังมองหาผมเหมือนกัน 
ไอ้บอยเพื่อนรักที่เปลี่ยนไป
“นิ !!!!!” มันตะโกนเรียกผมซะลั่นร้านพร้อมจูงมือฝรั่งหัวทองเดินมาด้วย 
      ใครจะรู้ล่ะว่าคนโง่ที่สุดก็คือผมเอง ผู้หญิงที่เห็นอยู่บ่อยๆที่บ้านของไอ้บอย  ก็คือไอ้บอยเอง  ผมโง่ที่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนของเพื่อนและไม่คิดว่าเพื่อนจะเป็นผู้หญิงคนนั้น อยากจะตะโกนดังๆ  “เกิดอะไรขึ้นกับมัน เอาเพื่อนผมคืนมา!!!!” 
      ผมกับไอ้บอยและแฟนของมัน  พอได้นั่งพูดคุยกันอย่างเกร็งๆ
ถึงได้สังเกตว่ามันไปฉีดหน้าฉีดคาง ฉีดอกยัดซิลิโคน  ตัดกรามลดเหลี่ยมมุม กรีดตา  จนหน้ามันเปลี่ยนไปยกเว้นแววตาที่เหมือนเดิม  และก็รู้ว่ามันกำลังจะวางแผนไปต่างประเทศกับแฟนหนุ่มหัวทอง  แฟนฝรั่งของมันจะออกเงินค่าผ่าตัดแปลงเพศให้  มันรู้ตัวว่าอยากจะเป็นผู้หญิงก็ตอนที่เรียนพาณิชย์นั่นแหละ เป็นตอนที่เราแยกกันเรียน   
      สรุปว่าคืนนั้นผมกลับบ้านอย่างงงๆ  ไม่ไปกินเหล้ากับมันต่อ  เพราะร้านที่มันชวนอยู่ที่สีลมไม่ต้องบอกว่าซอยอะไรก็น่าจะรู้    เฮ้อ...ทำไมนะไอ้พวกหล่อๆมันมักจะใช้ความหล่อผิดที่ผิดทาง สงสัยโลกนี้คงกำลังเปลี่ยนไปจริงๆ 
................จบ............
ยังเรื่องสั้นอีกหลายเรื่องให้ได้อ่านกันอีกนะครับเพียงพิมพ์คำว่า
เชือกผูกลม ลงในช่องค้นหานักเขียนเท่านั้นก็จะพบความบันเทิงของเชือกผูกลม
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น